วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

บ้านนอกเข้ากรุง 1 วันกับเอกชัย








ตัวเลขสีเขียวเรืองของนาฬิกาดิจิตอลบนคอนโทรลหน้ารถ บอกตัวเลข 10.34 เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้วผมยังติดแหง็ก อยู่บนถนนสายผ่าใจกลางกรุงเทพ เป้าหมายคือบ้านพี่เอกที่ลำลูกกา ปทุมธานี รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาในมือทั้งสองข้างที่กุมพวงมาลัย ใจยังนึกโมโหตัวเองที่สะเพร่า พลาดจากเส้นทางแยกขึ้นทางด่วนสายวงแหวนรอบนอก อันเป็นเส้นทางมุ่งตรงสู่เป้าหมายโดยไม่ต้องเลี้ยวไปไหน ทั้ง ๆที่"อีนังจีจี้" เครื่อง GPS นำทางได้บอกก่อนแล้ว ว่า " อีก 2 กิโลเมตร ชิดซ้าย ขึ้นทางด่วน" การขับรถในกรุงเทพ อย่างที่รู้พลาดแล้วก็พลาดเลย จะหาทางกลับง่ายๆเหมือน ถนน รพช แถวบ้านเราคงยาก "จีจี้" คงทำหน้าที่ของมันต่อไป ด้วยเข้าใจว่าผมคงไม่อยากขึ้นทางด่วน อยากขับรถหาประสปการณ์ให้ชินเส้นทางในกรุงเทพฯ เลยทำเส้นทางให้ใหม่ ซะยังกะเส้นทางแข่งรถแรลลี่
"เอาก็เอาวะ ดึกป่านนี้ถนนข้างล่างก็น่าจะว่างแล้ว" ฮ่า ๆๆๆ อยากจะหัวเราะให้กับความคิดสะเหร่อๆ ของตัวเองจริงๆ หลังจากติดหนึบอยู่บนถนนอะไรก็ไม่รู้ เกือบ 20 นาทีแล้ว
เกือบเที่ยงคืนผมก็ถึงจุดหมาย บ้านพี่เอกปิดไฟมืด คงจะนอนกันหมดแล้ว ผมขนกระเป๋าเสื้อผ้าลงจากรถ กดกริ่งเรียก เจอลูกอ๊อด ชีฟอง กับป้าโหน่ง ยังไม่นอนกัน ส่วนพี่เอกขึ้นห้องนอนไปแล้ว นั่งคุยกับสมาชิกอยู่พักใหญ่ ก็ขอตัวขึ้นไปนอน



เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นนอนแต่เช้า นั่งอัดรายการและสปอตเสร็จก็เกือบเที่ยง พี่เอกลงมาพอดี สวัสดีทักทายเจ้าของบ้านแล้วก็นั่งพูดคุยกันไปพร้อมกับกินข้าวเช้าข้าวเที่ยง รวมในมื้อเดียวกัน ส่วนใหญ่พวกเราก็เป็นแบบนี้แหละครับ เรื่องอาหารเช้าไม่เคยแตะต้องมานานแล้วอย่างเก่งถ้าตื่นเช้ามากๆ แล้วหิว กาแฟซักแก้วก็ "อยู่เกียร์" แล้วล่ะครับ วันนี้พี่เอกมีภาระกิจต้องไปหลายที่ผมเลยมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ผมคิดว่าหลายท่านคงอยากรู้ว่า ในแต่ละวัน เอกชัย ศรีวิชัย นักร้องซุปเปอร์สตาร์ (หรือซุปเปอร์สะตอ) ของชาวใต้ทำอะไรบ้าง เงินทองก็มีเยอะแยะคงจะหรูหราฟู่ฟ่า ชอปปิ้งห้างดังมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแบบสังคมไฮโซ หรือเปล่า ตามผมมาครับ....
คิวงานที่พี่ชิ อนุชา ผู้จัดการของพี่เอกวางไว้ในวันนี้คือการเดินสายโปรโมทคอนเสิร์ต "เอกชัยท้ากัด" ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์หน้า ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสิบวันเท่านั้น เป้าหมายแรกที่เราไปวันนี้คือสถานีวิทยุแห่งหนึ่งแถวห้วยขวาง ซึ่งมีคนปักษ์ใต้บ้านเราขึ้นมาอยู่อาศัยในเขตนี้มากเป็นอันดับต้นๆ พี่เอกได้รับการต้อนรับอย่างดีจากสายที่โทรเข้ามาพูดคุยในรายการ และแฟนเพลงที่มารอซื้อบัตร มาขอถ่ายรูปถึงสถานี สัมภาษณ์เสร็จระหว่างที่นั่งรถออกจากสถานีเพื่อจะไปอัดรายการ "ไนท์เอ็นเตอร์เทน" พี่ชิต้องรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาจองซื้อบัตรจนสายแทบใหม้
ท้องเริ่มร้องจ๊อก ขณะที่รถแล่นผ่านร้านอาหารที่เรียงรายทางเข้าช่อง 9 เราได้แต่ชะเง้อมองเพราะไม่มีเวลาที่จะแวะกินอะไรได้เลย ทีมงานส่วนหนึ่งไปรออยู่ก่อนแล้ว พอพี่เอกไปถึงก็เข้าห้องแต่งตัวพร้อมกับพระเอกลิเกชื่อดัง "ไชยา มิตรชัย"เดินทางมาถึงโดยมี"แม่ยก" ตามมาเชียร์ประมาณเกือบ 20 คน
"วันคอนเสิร์ต แม่ยกไชยาต้องดูให้จบนะ" พี่เอกพูดกระเซ้า "แม่"คนหนึ่ง ซึ่งดูท่าทางจะเป็นหัวโจกระหว่างกำลังประสานเรื่องบัตรชมคอนเสิร์ตอยู่กับพี่ชิ
"วันก่อน แม่ยกไชยานี่ล่ะยกกันมาเป็นร้อย มากรี๊ดไชยาคนเดียวเลย พอไชยากลับนักร้องคนอื่นจะขึ้นร้องต่อ เหลือแต่เก้าอี้แล้ว แม่"ยก" ขบวนกลับตามไชยากันหมดเลย "
"โอ๊ย งานนี้ไม่กลับก่อนหรอกจ้า บัตรแพง เนี่ย จองบัตรสองพันทั้งนั้นเลยนั่งข้างหน้าทั้งหมดจะได้เห็น น้องเอ ชัดๆ"
ออกจากช่อง 9 ก็เย็นมากแล้ว เราฝ่าการจราจรที่ติดขัดมุ่งหน้าไปที่แฟลตคลองจั่นเพื่อไปพบปะกับแฟนเพลง พี่ชิ บอกว่าที่นั่นเป็นจุดศูนย์รวมของคนใต้ เป็นเหมือนถนนคนเดินที่มีร้านรวงต่าง ๆเปิดขายอาหารและของใช้ในตอนเย็น พอไปถึงก็มีทีมงานจัดรถโมบายรอเราอยู่แล้วเป็นรถเก๋งติดเครื่องเสียงและจอ LCD เปิดมิวสิคชุดหมอลำใต้เคลื่อนขบวนไปพร้อมกับที่พี่เอกพาชาวคณะแดนเซอร์เดินพบปะแฟนเพลงเพื่อบอกข่าวคอนเสิร์ตใหญ่ ผมเพิ่งจะเข้าใจคำว่า "โรดโชว์" ในวันนี้เอง (ฮ่า ฮ่า) เสียงกรี๊ด เสียงทักทายพี่เอกดังแทรกตลอด ทางที่ขบวนเคลื่อนผ่านไป กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารนานาชนิด ทั้งของหวานของคาว ของทอดของย่าง เพิ่มความหิวให้มากขึ้นไปอีกผมรู้ว่าพี่เอกก็หิวจนแทบจะไม่มีแรงเดิน แต่ก็ต้องทนทำหน้าที่ให้เสร็จก่อน จากตลาดข้างแฟลตคลองจั่นก็ไปเดินต่อที่ตะวันนา กว่าจะเสร็จก็เกือบสี่ทุ่ม หิวจนหายหิวแล้วล่ะครับ เพราะงานวันนี้ยังไม่จบ จุดสุดท้ายคือต้องไปออกรายการสด ของ"น้าหลวง"ราเชนทร์ กิ่งทอง ที่ช่องทีวีดาวเทียม P5 คืนนั้นกว่าจะถึงบ้านที่ลำลูกกา ก็เกือบตี 1 กินข้าวแล้วแยกย้ายกันเข้านอนครับ พี่เอกบอกว่า ชีวิตทุกวันเป็นแบบนี้ออกจากบ้านทำงานจนลืมกินข้าว ถ่ายหนังถ่ายละครทำงานไม่มีวันหยุด แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำงาน ...
เช้าวันที่ 10 กันยายน 2553 พี่เอกตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะวันนี้เป็นวันเกิด คำถามที่หลายคนถามผมบ่อยๆ ยามคุยกันเรื่องเอกชัย
"หมันอายุเท่าใดแล้ว เอกชัยฮั้น ?"
"อื้อ แค่อี้ห้าสิบแล้วป้าเหอ"
"ฮ๊าย แล้วเห็นยังหน้าเด็กอยู่เหลย อ่อนหวาเราไม่เท่าใดนิ"
พวงมาลัยดอกมะลิพวงน้อย ที่พี่เอกบรรจงวางบนตักแม่เรียงคือสิ่งแทนความรู้สึกทั้งมวล คำอวยพรจากปากแม่คือสิ่งมีค่าและศักดิ์สิทธ์กว่ามหามนตราบทใดในโลก
วันนี้พี่เอกอายุครบ 49 ปี ย่างเข้า 50 แล้วแต่เพราะการเริ่มดูแลสุขภาพมากขึ้นของพี่เอกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้แกดูสดใสปราดเปรียวขึ้น การเดินทางของชีวิตที่ผ่านทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ทำให้จิตใจปล่อยวาง นั่นเป็นเหมือนยาปฎิชีวนะ ที่ไปช่วยสมานแผลในหัวใจเรื่องร้ายในชีวิตผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หากทำใจได้ชีวิตก็มีแต่ความสุข ความสุขที่พี่เอกมอบให้คนอื่นอยู่ตลอดเวลา แม้ในยามที่ตัวเองทุกข์ ยากจะมีคนเข้าใจ...

ทั้งที่หัวใจฉันทุกข์เต็มอิ่ม
ยังฝืนยิ้มให้โลกคลายเหงา
ใครจะรู้บ้างเล่า ฉันเป็นนักเพลงคนเศร้า
ทนเหงาอยู่ในดวงใจ
ฉันเฝ้าร้องเพลงให้เขามีสุข
ทนแบกทุกข์แทบสู้ไม่ไหว
ดูเหมือนผู้ยิ่งใหญ่ ใครจะรู้หรือไม่
หัวใจฉันเปื้อนน้ำตา
เหนื่อยเหลือเกินหนอชีวิต
ไม่มีสิทธิ์หยุดความเมื่อยล้า
อ่อนใจคนรักมาหักอุรา ชื่อฉันดังก้องฟ้า
อนิจจาหัวใจเป็นแผล
ทั้งที่หัวใจของฉันร้องไห้
ยังยิ้มไว้มิได้ยอมแพ้
ยามใดหัวใจฉันแย่ โผกายซบลงตักแม่
ให้ท่านดูแลซับหยาดน้ำตา...

สุขสันต์วันเกิดครับ...พี่เอก