วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อลังการงานช้าง





ผมเอนหลังเหยียดยาวแนบพนักเก้าอี้เพื่อไล่ความเมื่อยขบ

หลังจากนั่งจมอยู่กับงานตัดต่อวีทีอาร์ คอนเสิร์ตตอนใหม่มาหลายชั่วโมง เหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาอีกสิบนาทีจะตีสอง ข่าวเช้าวันใหม่ทางช่องสาม พิธีกรสาวกำลังเล่าข่าวกีฬาเป็นการส่งท้าย เธอคงจะได้กลับไปอาบน้ำอุ่นๆ ก่อนจะซุกกายใต้ผ้าห่มหนานุ่มในไม่ช้า แต่สำหรับผมคงอีกนาน แม้คอมพิวเตอร์ทั้งสามเครื่องกำลังช่วยกันเรนเดอร์ไฟล์วีดีโอ กันเต็มที่แต่ดูแล้วคงกินเวลามากโขอยู่ ถ้าเป็นเมื่อสองปีที่แล้วเวลาตีสองตีสามนี่เป็นเวลาทำงานแบบสบายๆของผมเลย แต่ปีนี้สงสัยแก่ลงแฮะ...พรุ่งนี้ต้องขับรถไกลไปภูเก็ต คิดแล้วตัดช่องน้อย...ไปนอนดีกว่า (อ้าว) เปิดคอมทิ้งไว้แบบนี้แหละ พรุ่งนี้เช้ามาต่อ........






7 โมงกว่า หลังจากได้นอนเพียงสามชั่วโมง

ผมก็ต้องตื่นเพราะเสียง "งุ้งงิ้ง" ข้างๆหูของเด็กทั้งสองคน
"พ่อครับ พ่อไปสามวันชั่ยมั้ย" เหมลูกชายคนโตผมถาม

"อืมม"


"แล้วพ่อก็กลับมาอยู่บ้านสามวัน แล้วไปอีกชั่ยมั้ย"

"อืมมม" เหมเริ่มวกเข้าเรื่องเดิมๆ ที่ตัวเองชอบ

"พ่อ เหมว่าเกมเบนเทนนั่นมันสนุกกว่าสไปซ์เดอร์แมนอีกนะ พ่อซื้อจากวงลุงเอกมาให้เหมได้รึเปล่า"

"เหม รอน อย่ากวนพ่อรีบไปโรงเรียนได้แล้ว"

เสียงสวรรค์ ช่วยดึงลิงทั้งคู่ไปจากผม ก็เลยได้โอกาสงัดตัวเองขึ้นจากที่นอนมานั่งตัดต่อวีทีอาร์ต่อจนเสร็จ




บันทึกต่อ ณ จ.ภูเก็ต เวลา 01.15 น. วันศุกร์ ที่ 30 ก.ค. พ.ศ.2553

กว่าผมจะออกจากชุมพรก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็น

ฝนกระหน่ำเทลงมาจนมองแทบไม่เห็นทาง ผมตั้งเครื่องจีพีเอส กำหนดเป้าหมายที่ศูนย์มาสด้า จ.ภูเก็ต

เครื่องคำนวนระยะทาง ได้ สี่ร้อยกว่าโล พร้อมคำนวนเวลาให้เสร็จว่าจะไปถึงประมาณสี่ทุ่ม

แต่เครื่องคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต (ฮ่าๆๆ) ฝนตกซะขนาดนี้อาจจะช้าไปอีกเป็นชั่วโมง ผมขับรถมาตามเส้นทางสายเอเซีย ฝนตกตลอดทางอย่างที่คาดไว้ หนักบ้างเบาบ้าง เวลาใกล้ค่ำเป็นช่วงที่ผมไม่ชอบเลยในการขับรถ เพราะมันเป็นรอยต่อระหว่างความมืดกับความสว่าง ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการบังคับพวงมาลัยไม่ให้เป๋ไปตามความลื่นของถนน ประสบการณ์อุบัติเหตุสองสามครั้งที่ผ่านมาทำให้ผมคล้ายกับเกิดความขยาดและระแวงอยู่ตลอดเวลา บางครั้งหางตาก็เหลือบเห็นเงาวูบวาบอยู่ข้างถนน เท้าก็จะแตะเบรคโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งรถราก็เยอะเหลือเกิน ส่วนมากจะเป็นรถใหญ่ รถบรรทุก รถพ่วง รถทัวร์ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นห้าชั่วโมงแห่งความทรมานของผมเลยก็ว่าได้

ถึงแยกนาเหนือจะเข้าทับปุด ประมาณสองทุ่มกว่า เหลือระยะทางอีกร้อยกว่าโลจะถึงภูเก็ต เหมกับรอนก็โทรมา

"ฮัลโหล พ่ออยู่หนายยยยย" หางเสียงยียวนแบบนี้สไตล์น้องรอนล่ะ

"พ่อขับรถอยู่ครับ..."

"พ่อ จะกลับบ้านเหรอ" อ้าวยังไม่มีใครบอกรอนเหรอเนี่ยว่าพ่อไปไหน แต่ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านก็มีการหอมแก้มลากันแล้วนี่นา"

"พ่อไปทำงานครับ อีกสองวันพ่อกลับ" เสียงกุกกัก เหมือนเกิดศึกชิงโทรศัพท์กันแว่วมา

"พ่อเหมเอง.... เหม เริ่มคิดถึงพ่อแล้วแหละ"

"เหรอ" ผมยิ้ม รู้สึกสุขใจอยู่ลึกๆ

"อะไรกัน พ่อมาแป๊บเดียว เหมคิดถึงพ่อแล้วเหรอ"

"ครับ..."

"พ่อ...."

"ว่างัย..."

"เกมส์ สไปเดอร์แมน กับเบนเทน พ่อซื้อมาให้เหมได้มั้ย"

ผมหุบยิ้ม รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ตรงคอหอย

"ได้....ลูก ลูกอย่าดื้อกับหม่าม้านะ พอซื้อให้"

เข้าเขตภูเก็ตฝนก็ยังตกไม่หยุด แต่ไม่หนักมากนัก ผ่านอนุสาวรีย์ท้าวเทพฯ ที่ถลางเข้าเมืองภูเก็ต

ทีมงานทั้งหมดรวมทั้งพี่เอกอยู่ที่สนามแล้ว พอผมไปถึงก็รับมอบหมายงานในส่วนที่เป็นหน้าที่ผม








จากนั้นตามมาดูพี่เอกซ้อมเพลงกับนักดนตรีที่ห้องซ้อม ก่อนจะแอบชิ่งไปนอนก่อนล่ะครับ ปักหมุดเป้าหมายไปที่ โรงแรมสินทวี นอนก่อนล่ะครับ พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้ามาอัดรายการอีก พบกันอีกตอนหน้าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น